ทนายความจังหวัดสงขลา

ทนายความจังหวัดสงขลา

เปิดหน้าต่อไป

กฎหมายแก้ไขใหม่และคำพิพากษาฎีกาที่สำคัญ

กฎหมายแก้ไขใหม่

  1. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับดอกเบี้ย
  2. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับใบกระท่อม
  3. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับกัญชา
  4. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับการค้ำประกัน
  5. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับสัญญาขายฝาก
  6. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับจำนอง   
  7. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับเช่าซื้อ
  8. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับดอกเบี้ยเช่าซื้อ  

คำพิพากษาฎีกาที่สำคัญ

  • คำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับดอกเบี้ย
  • คำพิพากษาเรื่องรถหายในห้างสรรพสินค้า

กฎหมายแก้ไขใหม่

      1. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับดอกเบี้ย  

    ตราดอกเบี้ยแก้ไขใหม่ตามกฎหมายไทยที่ควรทราบ มีดังนี้:

    1. **ดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์**:

       - จากวันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยสำหรับหนี้ที่ไม่มีการกำหนดดอกเบี้ยเป็นพิเศษ อยู่ที่ร้อยละ 3 ต่อปี (เดิมอยู่ที่ 7.5% ต่อปี)

       - หากประกอบกับส่วนของสัญญาหรือบทบัญญัติอื่น หากไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ก็จะใช้อัตราตามกฎหมายนี้


    2. **ดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์**:

       - อัตราดอกเบี้ยผิดนัดเริ่มตั้งแต่ 11 เมษายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี (เดิมคือ 7.5% ต่อปี)

       - หากมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าตามสัญญาและในกรณีผิดนัดชำระมากกว่า 30 วัน อัตราดอกเบี้ยผิดนัดอาจมีการเพิ่มขึ้นตามที่กำหนด


    3. **กฎหมายอื่น ๆ**:

       - อาจมีการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายเฉพาะอีก การปฏิบัติต้องดูรายละเอียดในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


    การเปลี่ยนแปลงนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดภาระดอกเบี้ยและสร้างสมดุลในการดำเนินธุรกิจและชีวิตประจำวันของประชาชน ข้อกฎหมาย/details อาจมีการปรับปรุงได้ ควรติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด


    ***************************************

    2. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับใบกระท่อม

    ตามกฎหมายใหม่เกี่ยวกับพืชใบกระท่อมในประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้:

    1. **การปลดล็อกใบกระท่อม**:

       - ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ใบกระท่อม (Mitragyna speciosa) ถูกถอดออกจากรายการยาเสพติดให้โทษประเภท 5

    2. **การปลูกและครอบครอง**:

       - การปลูก การจำหน่าย และการครอบครองใบกระท่อมจึงเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย ไม่ต้องขออนุญาตเป็นพิเศษ

    3. **การบริโภคและผลิตภัณฑ์**:

       - สามารถใช้ใบกระท่อมในการบริโภคในชีวิตประจำวันได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่ไม่ขัดต่อกฎหมายอื่น เช่น ห้ามใช้ใบกระท่อมในอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย

    4. **การศึกษาและวิจัย**:

       - การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับใบกระท่อมสามารถทำได้เสรีมากขึ้น ทำให้มีโอกาสนำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการแพทย์ได้มากขึ้น

    5. **ข้อห้ามและข้อควรระวัง**:

       - แม้ว่าจะได้รับการปลดล็อกให้ถูกกฎหมาย การใช้ใบกระท่อมอย่างผิดวิธีหรือในปริมาณที่มากเกินไปอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ

       - ห้ามใช้งานในกรณีที่ขัดต่อกฎหมายอื่น ๆ หรือเสียหายต่อสังคมและความสงบเรียบร้อย

    ประกาศนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับยาเสพติดและสามารถส่งเสริมการใช้ใบกระท่อมให้เกิดประโยชน์แก่การแพทย์และเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ควรติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้อง

    ***************************************

      3. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับกัญชา

    กฎหมายเกี่ยวกับกัญชามีการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในประเทศไทย ซึ่งนำไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและถูกกฎหมายในบางกรณี


    1. **การลดกำหนดความผิด**:

       - กัญชาได้ถูกถอดออกจากรายการยาเสพติดประเภท 5 ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ทำให้สามารถครอบครองและใช้ในการแพทย์ได้ถูกกฎหมาย


    2. **การปลูกและครอบครอง**:

       - สามารถปลูกกัญชาที่บ้านได้โดยต้องแจ้งและลงทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

       - การปลูกในเชิงพาณิชย์ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)


    3. **การใช้ทางการแพทย์**:

       - กัญชาสามารถใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์และการวิจัยได้ เช่น ในการบรรเทาอาการปวด โรคหลายชนิด รวมถึงการใช้ในยาแผนโบราณ 

       - ยาที่มีสาร THC (tetrahydrocannabinol) และ CBD (cannabidiol) จะต้องผ่านการรับรองจาก อย.


    4. **การผลิตและจำหน่าย**:

       - สามารถผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้ โดยต้องได้รับอนุญาตจาก อย. และต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด

       - อาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาต้องมีส่วนผสมของ THC ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด


    5. **การศึกษาและวิจัย**:

       - มีการเปิดกว้างให้สามารถศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับกัญชา เพื่อใช้ในการพัฒนาและนำไปสู่การใช้ประโยชน์ที่มากขึ้น


    6. **ข้อห้ามและข้อควรระวัง**:

       - ห้ามจำหน่ายหรือใช้กัญชาในที่สาธารณะที่ขัดต่อศีลธรรมและกฎหมายอื่น ๆ ที่ควบคุม

       - การใช้กัญชาที่ไม่เหมาะสม เช่น การเสพเพื่อมึนเมาในที่สาธารณะ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย


    การเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้เป็นการเปิดโอกาสให้สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์และเชิงพาณิชย์ได้ แต่ควรใช้อย่างมีสติและปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน

      ***************************************  


      4. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับการค้ำประกัน

    การแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการค้ำประกันในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญบางประการเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ค้ำประกันและผู้กู้ มีรายละเอียดหลักดังนี้:


    1. **การจำกัดความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกัน**:

       - การค้ำประกันต้องระบุขอบเขตและวงเงินที่ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบอย่างชัดเจน หากไม่ระบุจะไม่สามารถเรียกร้องเกินกว่าที่ตกลงไว้


    2. **การแจ้งสิทธิเกี่ยวกับการค้ำประกัน**:

       - สถาบันการเงินหรือผู้ให้กู้ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการค้ำประกันให้ผู้ค้ำประกันทราบอย่างครบถ้วน ก่อนที่จะตกลงค้ำประกัน

       - ต้องชี้แจงเงื่อนไขและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการค้ำประกันให้ผู้ค้ำประกันเข้าใจ


    3. **การแจ้งเตือนการเรียกร้อง**:

       - หากมีการดำเนินการเรียกร้องจากผู้ให้กู้ ผู้ให้กู้ต้องแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบล่วงหน้าภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ผู้ค้ำประกันมีโอกาสเตรียมตัว

       - ผู้ให้กู้ต้องแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบเมื่อผู้กู้มีการผิดนัดชำระหนี้ เช่น การไม่ชำระเงินตามกำหนด


    4. **การยกเลิกการค้ำประกัน**:

       - ผู้ค้ำประกันสามารถถอนตัวจากการค้ำประกันได้ โดยต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและแจ้งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบ

       - การถอนตัวจะมีผลต่อการค้ำประกันในอนาคตเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงหนี้สินที่เกิดขึ้นก่อนการถอนตัว


    5. **การระงับความรับผิดชอบ**:

       - หากไม่มีการดำเนินการเรียกร้องจากผู้ให้กู้ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามสัญญา ผู้ค้ำประกันอาจพ้นจากความรับผิดชอบในการค้ำประกัน


    6. **การค้ำประกันร่วม**:

       - หากมีผู้ค้ำประกันหลายคน ความรับผิดชอบสามารถถูกแบ่งแยกตามสัดส่วนที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น แต่ละคนอาจรับผิดชอบตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในสัญญา


    การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ค้ำประกันควบคู่ไปกับการคุ้มครองผู้ให้กู้ด้วย ความชัดเจนด้านเงื่อนไขและความรับผิดชอบที่ได้รับการปรับปรุง ทำให้การค้ำประกันเป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น 


    ***************************************


    5. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับการขายฝาก

    การแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการขายฝากในประเทศไทยถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความคุ้มครองและความเป็นธรรมให้กับทั้งผู้ขายฝากและผู้รับขายฝาก มีประเด็นหลักที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงดังนี้:


    ### 1. **ระยะเวลาการไถ่ถอนการขายฝาก**:

       - ระยะเวลาการไถ่ถอนจำกัดอยู่ตามที่ระบุในสัญญา แต่ไม่เกิน 10 ปี หากไม่มีการระบุในสัญญา จะถือว่ามีระยะเวลา 3 ปี เป็นมาตรฐาน


    ### 2. **การแจ้งเตือนการไถ่ถอนการขายฝาก**:

       - ผู้รับขายฝากต้องแจ้งเตือนล่วงหน้าแก่ผู้ขายฝากเกี่ยวกับกำหนดการไถ่ถอน ก่อนวันที่กำหนดไถ่ถอนไม่น้อยกว่า 30 วัน

       - การแจ้งเตือนนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอนและรูปแบบที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ผู้ขายฝากมีโอกาสเตรียมตัวและตัดสินใจในเรื่องการไถ่ถอน


    ### 3. **การขยายระยะเวลาการไถ่ถอน**:

       - ผู้ขายฝากสามารถขอขยายระยะเวลาการไถ่ถอนได้ หากผู้รับขายฝากยินยอม โดยต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและลงลายมือชื่อกันในสัญญาขยายระยะเวลา


    ### 4. **การไถ่ถอนก่อนกำหนด**:

       - ผู้ขายฝากสามารถทำการไถ่ถอนก่อนกำหนดได้ ถ้าผู้รับขายฝากยินยอม โดยต้องระบุเงื่อนไขในสัญญาที่มีความยุติธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย


    ### 5. **การปฏิเสธไถ่ถอน**:

       - หากผู้ขายฝากปฏิเสธการไถ่ถอนแต่มีการชำระเงินค่าตอบแทนครบถ้วนตามสัญญา ผู้ขายฝากสามารถฟ้องเรียกร้องให้นำทรัพย์สินกลับคืนเป็นของตนได้ตามกฎหมาย


    ### 6. **การลงทะเบียนและข้อกำหนดทางกฎหมาย**:

       - สัญญาขายฝากต้องจดทะเบียนกับสำนักงานที่ดินหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการโต้แย้งในภายหลัง

       - รายละเอียดของสัญญาต้องชัดเจน รวมถึงเงื่อนไขการชำระเงิน ระยะเวลาในการไถ่ถอน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง


    ### 7. **การคุ้มครองผู้ขายฝากที่มีข้อเสียเปรียบ**:

       - กฎหมายใหม่มีมาตรการคุ้มครองผู้ขายฝากที่เป็นผู้ด้อยโอกาสหรือมีข้อเสียเปรียบ เช่น ผู้สูงอายุ คนทุพลภาพ หรือผู้ที่มีความสามารถในการตกลงต่ำ ทำให้การขายฝากสามารถได้รับการพิจารณาว่ายุติธรรมหรือไม่


    ### 8. **บทลงโทษสำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย**:

       - ผู้กระทำการที่ไม่เป็นธรรมในกระบวนการขายฝาก เช่น การบังคับหรือความกดดันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจถูกลงโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้


    การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเหล่านี้มีผลให้กระบวนการขายฝากเป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ช่วยทั้งคุ้มครองผู้ขายฝากและส่งเสริมความมั่นใจในการทำธุรกรรมของผู้รับขายฝากด้วย


    **************************************


    6. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับจำนอง      


    กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับการจำนองในประเทศไทยได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้การจำนองเป็นกระบวนการที่เป็นธรรมและมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยมีสาระสำคัญดังนี้:


    1. **การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน**:

       - มีการกำหนดวิธีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ชัดเจนและโปร่งใสโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันการประเมินที่ไม่เป็นธรรม.


    2. **สิทธิของผู้จำนอง**:

       - เพิ่มสิทธิให้ผู้จำนองมีสิทธิในการโต้แย้งการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน.

       - ผู้จำนองสามารถเสนอชื่อผู้ประเมินเพิ่มเติมเพื่อความเป็นธรรม.


    3. **การชำระหนี้ก่อนกำหนด**:

       - ผู้จำนองสามารถชำระหนี้ก่อนกำหนดได้โดยไม่มีค่าปรับหรือค่าใช้จ่ายแอบแฝง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้จำนองและลดภาระทางการเงิน.


    4. **การบังคับคดีและการขายทอดตลาด**:

       - กระบวนการบังคับคดีถูกปรับปรุงให้มีความโปร่งใสยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการประกาศขายและการดำเนินการขายทอดตลาด.

       - มีการกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตือนไปยังผู้จำนองก่อนทำการขายทอดตลาดเพื่อให้มีโอกาสในการชำระหนี้หรือหาทางแก้ไขสถานการณ์.


    5. **สิทธิในการอยู่อาศัย**:

       - ผู้จำนองสามารถขอสิทธิในการอยู่ในทรัพย์สินที่จำนองอยู่ในระยะเวลาหนึ่งหลังจากการขายทอดตลาดสำเร็จ เพื่อให้มีเวลาในการหาที่อยู่อาศัยใหม่.


    การปรับปรุงเหล่านี้มุ่งเน้นที่จะสร้างความเป็นธรรม เพิ่มความโปร่งใส และให้การคุ้มครองสิทธิแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้จำนองและผู้ประกอบการทางการเงิน


    ***************************************


    7. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับเช่าซื้อ  

    กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับการเช่าซื้อในประเทศไทยได้มีการพัฒนาเพื่อเพิ่มความเป็นธรรมและคุ้มครองสิทธิของทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าซื้ออย่างสมดุล โดยมีเนื้อหาหลักที่สำคัญดังต่อไปนี้:


    ### 1. **การกำหนดเงื่อนไขการเช่าซื้อ**

    - มีการกำหนดเงื่อนไขการเช่าซื้อที่ชัดเจนและโปร่งใส เช่น การระบุค่าเช่า, การชำระเงินล่วงหน้า, และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด.

    - ผู้ให้เช่าต้องแจ้งรายละเอียดครบถ้วนเกี่ยวกับต้นทุนและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการเช่าซื้อ.


    ### 2. **การคุ้มครองผู้เช่าซื้อ**

    - เพิ่มสิทธิให้ผู้เช่าซื้อสามารถขอข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการชำระเงินได้ตลอดระยะเวลาการเช่าซื้อ.

    - ผู้เช่าซื้อมีสิทธิ์ในการโต้แย้งค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับที่ไม่เป็นธรรม และสามารถร้องขอการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้.


    ### 3. **การบอกเลิกสัญญาและการบังคับคดี**

    - กฎหมายกำหนดการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อในกรณีที่ผู้เช่าซื้อไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างชัดเจน โดยกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตือนและระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา.

    - กระบวนการบังคับคดีต้องมีความโปร่งใสและจัดการอย่างเป็นธรรม ไม่ให้ผู้เช่าซื้อถูกกดดันหรือเสียเปรียบ.


    ### 4. **การชำระหนี้ก่อนกำหนด**

    - ผู้เช่าซื้อมีสิทธิ์ในการชำระหนี้เช่าซื้อก่อนกำหนดโดยไม่มีค่าปรับ หรือถ้ามีค่าปรับก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนและเป็นธรรม.


    ### 5. **สิทธิในการครอบครองทรัพย์สิน**

    - ผู้เช่าซื้อสามารถขอสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สินที่เช่าซื้อในระยะเวลาหนึ่งหลังจากการบอกเลิกสัญญาหรือการบังคับคดี เพื่อให้มีเวลาในการจัดหาทางออกหรือทรัพย์สินใหม่.


    ### 6. **การแจ้งเตือนและข้อมูลสัญญา**

    - ผู้ให้เช่าต้องแจ้งการเตือนหลายครั้งก่อนดำเนินการบอกเลิกสัญญาหรือบังคับคดี และต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงและสิทธิต่าง ๆ ที่ผู้เช่าควรรู้.


    ### สรุป

    การปรับปรุงกฎหมายเช่าซื้อในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความชัดเจนของเงื่อนไขและกระบวนการเช่าซื้อ, ป้องกันการเอาเปรียบทั้งจากผู้ให้เช่าและผู้เช่าซื้อ, และเพิ่มเติมความคุ้มครองสิทธิของผู้เช่าซื้อให้ดีมากยิ่งขึ้น.


    ***************************************


    8. กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับดอกเบี้ยเช่าซื้อ    

    กฎหมายแก้ไขใหม่เกี่ยวกับดอกเบี้ยเช่าซื้อในประเทศไทยมีการปรับปรุงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสยิ่งขึ้น โดยมีเนื้อหาสำคัญที่ปรับปรุงหลัก ๆ ดังนี้:


    ### 1. **การควบคุมอัตราดอกเบี้ย**

    - กำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สามารถเรียกเก็บได้อย่างชัดเจน โดยไม่ให้เกินจากที่กฎหมายกำหนด.

    - อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกหรือแม้กระทั่งการคำนวณดอกเบี้ยตามความเป็นจริงเพื่อป้องกันการเก็บดอกเบี้ยเกินความจริง.


    ### 2. **ความโปร่งใสในการคำนวณดอกเบี้ย**

    - ผู้ให้เช่าต้องแจ้งวิธีการคำนวณดอกเบี้ยให้ผู้เช่าซื้อรับทราบอย่างชัดเจน.

    - การเปิดเผยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (APR – Annual Percentage Rate) เพื่อให้ผู้เช่าซื้อสามารถการเปรียบเทียบและทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น.


    ### 3. **การชำระหนี้ล่วงหน้า**

    - ผู้เช่าซื้อมีสิทธิในการชำระหนี้เช่าซื้อล่วงหน้าโดยไม่ต้องเสียค่าปรับดอกเบี้ยในจำนวนที่ไม่เป็นธรรม.

    - การคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องชำระเมื่อมีการชำระล่วงหน้าต้องเป็นไปตามอัตราที่กำหนดในสัญญาและกฎหมาย.


    ### 4. **การป้องกันการเอาเปรียบ**

    - ห้ามการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ซ้ำซ้อนหรือเกินราคาจริง.

    - การป้องกันการเรียกเก็บค่าปรับดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรมในกรณีที่ผู้เช่าซื้อไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนด.


    ### 5. **ข้อมูลประกอบคำชี้แจง**

    - ผู้ให้เช่าต้องแจ้งรายละเอียดที่ครบถ้วนรวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการเช่าซื้อที่โปร่งใส.


    ### 6. **มาตรการลงโทษ**

    - เพิ่มมาตรการลงโทษสำหรับผู้ให้เช่าที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด.


    ### สรุป

    การปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับดอกเบี้ยเช่าซื้อมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เช่าซื้อได้รับความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น, ป้องกันการเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่เป็นธรรม, และเสริมสร้างความโปร่งใสในการทำธุรกรรม. การปรับปรุงนี้จะช่วยให้กระบวนการเช่าซื้อเป็นที่เข้าใจง่ายและป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น.

    ***************************************  

    คำพิพากษาฎีกาที่สำคัญ

    1. คำพิพากษาเรื่องดอกเบี้ย
    2. คำพิพากษาเกี่ยวกับรถยนต์หายในห้างสรรพสินค้า

      คำพิพากษาฎีกาที่ 7471/2556
      จำเลยเป็นห้างสรรพสินค้าขายปลีกและขายส่งสินค้าอุปโภคและบริโภค ย่อมต้องให้ความสำคัญด้านบริการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการเกี่ยวกับสถานที่จอดรถซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าที่จะเข้าไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการอื่น ๆ หรือไม่ แม้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 8 (9), 34 บัญญัติให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารต้องจัดให้มีพื้นที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การจราจร แต่จำเลยยังต้องคำนึงและมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของลูกค้าทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน มิใช่ปล่อยให้ลูกค้าระมัดระวังหรือเสี่ยงภัยเอาเอง การที่จำเลยเคยจัดให้มีการแจกบัตรสำหรับรถของลูกค้าที่เข้ามาในห้างซึ่งเป็นวิธีการที่ค่อนข้างรัดกุม เพราะหากไม่มีบัตรผ่าน กรณีจะนำรถยนต์ออกไปจะต้องถูกตรวจสอบโดยพนักงานของจำเลย แต่ขณะเกิดเหตุกลับยกเลิกวิธีการดังกล่าวเสียโดยใช้กล้องวรจรปิดแทน เป็นเหตุให้คนร้ายสามารถเข้าออกลานจอดรถห้างฯ ของจำเลยและโจรกรรมรถได้โดยง่ายยิ่งขึ้น แม้จำเลยจะปิดประกาศว่าจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายหรือเสียหายใด ๆ รวมทั้งการที่ลูกค้าก็ทราบถึงการยกเลิกการแจกบัตรจอดรถ แต่ยังนำรถเข้ามาจอดก็ตาม ก็เป็นเรื่องข้อกำหนดของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลเป็นการยกเว้นความรับผิดในการทำละเมิดของจำเลย
    X